วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์

ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์





1 ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 

ความหมาย ระบบการโอนถ่ายข้อมูลหรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างต้นทางหรือปลายทางโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์ โทรสาร โมเด็ม คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ดาวเทียม ควบคุมการส่งและการไหลของข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง

2 องค์ประกอบระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์

2.1 ข่าวสาร (Message) เป็นข้อมูลรูปแบบต่างๆ
2.2 ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล (Sender)
2.3 สื่อหรือตัวกลาง (Media) เป็นสื่อหรือช่องทาง ที่ใช้ในการนำข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง
2.4 ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล (Receiver)
2.5 กฎ ข้อตกลง ระเบียบวิธีการรับส่ง(protocol)

3 สื่อหรือตัวกลางของระบบสือสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์

3.1 สื่อหรือตัวกลางประเภทมีสาย
3.1.1 สายคู่บิดเกลียว (twisted pair) มี 2 ชนิด คือ








ก) สายคู่บิดเกลียวไม่มีฉนวนหุ้ม (Unshielded Twisted Pair : UTP)






ข) สายคู่บิดเกลียวมีฉนวนหุ้ม (Shielded Twisted Pair :STP)

3.1.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) เป็นสื่อกลางที่มีส่วนของสายส่งข้อมูลเป็นลวดทองแดงอยู่ตรงกลาง หุ้มด้วยพลาสติก ส่วนชั้นนอกหุ้มด้วยโลหะหรือฟอยล์ถักเป็นร่างแหเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน
3.1.3 สายใยแก้วนำแสง (Fiber-optic cable) เป็นสื่อกลางที่ใช้ส่งข้อมูลในรูปแบบของแสง

3.2 สื่อหรือตัวกลางประเภทไร้สาย
3.2.1 คลื่นไมโครเวฟ (Microwave) เป็นสื่อกลางในการสื่อสารที่มีความเร็วสูง ส่งข้อมูลโดยอาศัยสัญญาณไมโครเวฟซึ่งเป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เหมาะกับการส่งข้อมูลในพื้นที่ห่างไกลกันมากๆ หรือพื้นที่ทุรกันดาร
3.2.2 ดาวเทียม (Satellite) ในการส่งสัญญาณดาวเทียมนั้น จะต้องมีสถานีภาคพื้นดินคอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียม
3.2.3 แอคเซสพอยต์ (Access Point)

3.4 ความหมายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและสารสนเทศ รวมถึงใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ร่วมกัน

3.5 ประโยชน์ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3.5.1 การใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Resources Sharing) หมายถึง การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์ร่วมกัน
3.5.2 การแชร์ไฟล์ เมื่อคอมพิวเตอร์ถูกติดตั้งเป็นระบบเน็ตเวิร์กแล้ว การใช้ไฟล์ข้อมูลร่วมกันหรือการแลกเปลี่ยนไฟล์ทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
3.5.3 สามารถบริหารจัดการทำงานคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องได้จากศูนย์กลาง (Centralized Management)
3.5.4 สามารถทำการสื่อสารกันในเครือข่าย (Communication) ได้หลายรูปแบบ
3.5.5 มีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนเครือข่าย (Network Security)




3.6 ประเภทของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
3.6.1 เครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นเครือข่ายระยะใกล้ ใช้กันอยู่ในบริเวณไม่กว้างนัก อาจอยู่ในองค์กรเดียวกัน หรืออาคารที่ใกล้กัน เช่น ภาพในสำนักงาน ภายในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ระบบเครือข่ายท้องถิ่นจะช่วยให้ติดต่อกันได้สะดวก ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ
3.6.2 เครือข่ายเมือง (Metropolises Area Network :MAN) เป็นเครือข่ายขนาดกลาง ใช้ภายในเมือง หรือจังหวัดที่ใกล้เคียงกัน เช่น ระบบเคเบิลทีวีที่มีสมาชิกตามบ้านทั่วไปที่เราดูกันอยู่ทุกวันก็จัดเป็นระบบเครือข่ายแบบ MAN



3.6.3 เครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network : WAN) เป็นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ ใช้ติดตั้งบริเวณกว้าง มีสถานนีหรือจุดเชื่อมต่อมากมาย มากกว่า 1 แสนจุด ใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ระบบคลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ หรือดาวเทียม
3.7 รูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย (network topology)
3.7.1 การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบบัส (bus network) เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่องบนสายสัญญาณหลักเส้นเดียว ที่ปลายทั้งสองด้านปิดด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Terminator ไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องใด เครื่องหนึ่ง เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เครื่องใดหยุดทำงาน ก็ไม่มีผลกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่าย การรับส่งสัญญาณบนสายสัญญาณต้องตรวจสอบสายสัญญาณ BUS ให้ว่างก่อน จึงจะสามารถส่งสัญญาณไปบนสาย BUS ได้
3.7.2 การเชื่อต่อเครือข่ายแบบวงแหวน (ring network) การเชื่อมต่อแบบวงแหวน เป็นการเชื่อมต่อจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง จนครบวงจร ในการส่งข้อมูลจะส่งออกที่สายสัญญาณวงแหวน โดยจะเป็นการส่งผ่านจากเครื่องหนึ่ง ไปสู่เครื่องหนึ่งจนกว่าจะถึงเครื่องปลายทาง ปัญหาของโครงสร้างแบบนี้คือ ถ้าหากมีสายขาดในส่วนใดจะทำ ให้ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
3.7.3 การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบดาว (Star network) เป็นการเชื่อมต่อสายสื่อสารจากคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องไปยังฮับ (hub) หรือ สวิตช์ (switch) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สลับสายกลางแบบจุดต่อจุดเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อ วงจรเชื่อมโยงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ติดต่อสื่อสารถึงกัน
3.7.4 เครือข่ายแบบ Hybrid เป็นการเชื่อมต่อที่ผสมผสานเครือข่ายย่อยๆ หลายส่วนมารวมเข้าด้วยกัน เช่น นำเอาเครือข่ายระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับบางหน่วยงานที่มีเครือข่ายเก่าและใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกัน
3.8 อุปกรณ์เครือข่าย
3.8.1 ฮับ (hub) เป็นอุปกรณ์ที่ทวนและขยายสัญญาณเพื่อส่งต่อไปยังอุปกรณ์อื่นให้ได้ระยะทางที่ยาวไกลขึ้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลก่อนและหลังการรับส่งและไม่มีการใช้ซอฟแวร์ใด ๆ มาเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ชนิดนี้ การติดตั้งทำได้ง่าย

3.8.2 โมเด็ม (modem) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณอนาล็อก(Analog signal)ให้เป็นสัญญาณดิจิทัล (Digital Signal)และในทางกลับกันก็แปลงสัญญาณดิจิทัลให้เป็นสัญญาณอนาล็อก

3.8.3 การ์ด LAN (Network Interface Card – NIC) เป็นการ์ดสำหรับต่อเครื่องพีซีเข้ากับสาย LAN

3.8.4 สวิตช์ (Switching) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่กระจายช่องทางการสื่อสารข้อมูลหลายช่องทางการสื่อสารข้อมูลหลายช่องทางในระบบเครือข่ายคล้ายHubแต่ต่างกันในเรื่องของกรทำงานและความเร็ว คือ แต่ละช่องสัญญาณ (port) จะใช้ความเร็วเป็นอิสระต่อกันตามมาตรฐานความเร็ว


3.8.5 เราท์เตอร์ (router) เป็นอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงให้เครือข่ายหลายเครือข่ายที่มีขนาดต่างกันหรือใช้มาตรฐานการส่งผ่านข้อมูล (Transmission) ต่างกันสามารถติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้




3.9 โปรโตคอล (Protocol) โปรโตคอล คือ ข้อกำหนดหรือข้อตกลงที่ใช้ควบคุมการสื่อสารข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์เครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลชนิดเดียวกันซึ่งสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้เหมือนกับมนุษย์ที่ใช้ภาษาเดียวกันในการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันนั่นองค์กรที่เกี่ยวข้องได้กำหนดโปรโตคอลที่เรียกว่ามาตรฐานการจัดการระบบการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างระบบเปิด (Open System International :OSI)





3.10 ชนิดของโปรโตคอล

3.10.1 ทีซีพีหรือไอพี (TCP/IP) โปรโตคอล TCP/IP เป็นชื่อเรียกของชุดโปรโตคอลที่สำคัญ มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายตามการขยายตัวของอินเทอร์เนท/อินทราเนท ความจริงแล้วโปรโตคอล TCP/IP เป็นกลุ่มของโปรโตคอล หลายตัวที่ประกอบกันเป็นชุดให้ใช้งานโดยมีคำเต็มว่าTransmission Control Protocol /Internet Protocol ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีโปรโตคอลประกอบกันทำงาน 2 ตัว คือ TCP และ IP







3.10.2 เอฟทีพี (FTP) ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนและจัดการไฟล์บนเครือข่ายทีซีพี/ไอพีเช่นอินเทอร์เน็ต เอฟทีพีถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบระบบรับ-ให้บริการ (client-server) และใช้การเชื่อมต่อสำหรับส่วนข้อมูลและส่วนควบคุมแยกกันระหว่างเครื่องลูก ข่ายกับเครื่องแม่ข่าย โปรแกรมประยุกต์เอฟทีพีเริ่มแรกโต้ตอบกันด้วยเครื่องมือรายคำสั่ง สั่งการด้วยไวยากรณ์ที่เป็นมาตรฐาน แต่ก็มีการพัฒนาส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ขึ้นมาสำหรับระบบปฏิบัติการเดสก์ ท็อปที่ใช้กันทุกวันนี้ เอฟทีพียังถูกใช้เป็นส่วนประกอบของโปรแกรมประยุกต์อื่นเพื่อส่งผ่านไฟล์โดย อัตโนมัติสำหรับการทำงานภายในโปรแกรม เราสามารถใช้เอฟทีพีผ่านทางการพิสูจน์ตัวจริงด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน หรือเข้าถึงด้วยผู้ใช้นิรนาม






3.10.3 เอชทีทีพี (HTTP) คือโพรโทคอลในระดับชั้นโปรแกรมประยุกต์เพื่อการแจกจ่ายและการทำงานร่วมกันกับสารสนเทศของสื่อผสมใช้สำหรับการรับทรัพยากรที่เชื่อมโยงกับภายนอก ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งเวิลด์ไวด์เว็บ การพัฒนาเอชทีทีพีเป็นการทำงานร่วมกันของเวิลด์ไวด์เว็บคอนซอร์เทียม (W3C) และคณะทำงานเฉพาะกิจด้านวิศวกรรมอินเทอร์เน็ต (IETF) ซึ่งมีผลงานเด่นในการเผยแพร่เอกสารขอความเห็น (RFC) หลายชุด เอกสารที่สำคัญที่สุดคือ RFC 2616 (เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542) ได้กำหนด HTTP/1.1 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้กัน






3.10.4 เอสเอ็มทีพี (SMTP) เป็นโพรโทคอลสำหรับส่งอีเมลในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
SMTP เป็นโพรโทคอลแบบข้อความที่เรียบง่าย ทำงานอยู่บนโพรโทคอล TCP พอร์ต 25 ในการส่งอีเมลไปยังที่อยู่ที่กำหนด จำเป็นต้องใช้ค่า MX (Mail eXchange) ของ DNS
ปัจจุบันมี mail transfer agent กว่า 50 โปรแกรมที่สามารถใช้ SMTP ได้ โดยมีโปรแกรม Sendmail เป็นโปรแกรมแรกที่นำ SMTP ไปใช้ โปรแกรมตัวอื่นได้แก่ Postfix, qmail และ Microsoft Exchange เป็นต้น
3.10.5 พีโอพีทรี (POP3) เป็นโปรโตคอล client/sever ที่รับ e-mail แล้วจะเก็บไว้ในเครื่องแม่ข่าย Internet เมื่อผู้ใช้ตรวจสอบ mail-box บนเครื่องแม่ข่ายและ ดาวน์โหลดข่าวสาร POP3 ติดมากับ Net manager suite ของผลิตภัณฑ์อินเตอร์เน็ต และ e-mail ที่ได้รับความนิยมคือ Eudora และติดตั้งอยู่ใน browser ของ Netscope และ Microsoft Internet Explorer
โปรโตคอลตัวเลือกอีกแบบ คือ Internet Message Access Protocol (IMAP) โดยการใช้ IMAP ผู้ใช้จะดู e-mail ที่เครื่องแม่ข่าย เหมือนกับอยู่ในเครื่องลูกข่าย และ e-mail ในเครื่องลูกข่ายที่ถูกลบ จะยังคงมีอยู่ในเครื่องแม่ข่าย โดย e-mail สามารถเก็บและค้นหาที่เครื่องแม่ข่าย
POP สามารถพิจารณาเป็นการบริการแบบ "store-and forward" IMAP สามารถพิจารณาเครื่องแม่ข่าย remote file server
POP และ IMAP เกี่ยวข้องกับการรับ e-mail และอย่าสับสนกับ Simple Mail Transfer Protocol (SMTP) ซึ่งเป็นโปรโตคอล สำหรับการส่ง e-mail ข้ามอินเตอร์เน็ต การส่ง e-mail ใช้ SMTP และการอ่านใช้ POP3 หรือ IMAP
หมายเลขและพอร์ต สำหรับ POP3 คือ 110

3.11 การถ่ายโอนข้อมูล

3.11.1 การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน (Parallel transmission) ทำได้โดยการส่งข้อมูลออกมาทีละ 1 ไบต์ หรือ 8 บิต จากอุปกรณ์ส่งไปยังอุปกรณ์รับ ตัวกลางระหว่างสองเครื่องจึงต้องมีช่องทางให้ข้อมูลเดินทางอย่างน้อย 8 ช่องทาง เพื่อให้กระแสไฟฟ้าผ่านโดยมากจะเป็นสายสัญญาณแบบขนาน ระยะทางของสายสัญญาณแบบขนานระหว่างสองเครื่องไม่ควรยาวเกิน 100 ฟุต

3.11.2 การถ่ายโอนข้อมูลแบบอนุกรม (Serial transmission)


3.12 การถ่ายโอนข้อมูลแบบนุกรม อาจจะแบ่งตามรูปแบบรับ-ส่ง ได้ 3 แบบคือ
3.11.2 สื่อสารทางเดียว (simplex) ข้อมูลส่งได้ทางเดียวเท่านั้น บางครั้งก็เรียกว่า การส่งทิศทางเดียว (unidirectional data bus) เช่น การส่งข้อมูลไปยังเครื่องพิมพ์ การกระจายเสียงของสถานีวิทยุ เป็นต้น
3.11.2 สื่อสารสองทางครึ่งอัตรา (half duplex) ข้อมูลสามารถส่งได้ทั้งสองสถานี แต่จะต้องผลัดกันส่งและผลัดกันรับ จะส่งและรับพร้อมกันไม่ได้ เช่น วิทยุสื่อสารของตำรวจ เป็นต้น
3.11.2 สื่อสารสองทางเต็มอัตรา (full duplex) ทั้งสองสถานีสามารถรับและส่งได้ในเวลาเดียวกัน เช่น การสนทนาทางโทรศัพท์เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตัวอย่างข่าวขอทาน

ตัดวงจรการค้ามนุษย์ด้วยพ.ร.บ ขอทาน
     



     ขอทานถือเป็นอาชีพที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน ตามสะพานลอย หรือข้างถนน คนขอทานจะ พบเห็นได้จนชินตา แต่ที่น่าสลดใจมากไปกว่านั้นคือ มักมีเด็กเล็กๆ สภาพมอมแมมรวมอยู่ด้วย
     เด็กเหล่านี้คือเหยื่อที่ถูกผู้ใหญ่นำมาแสวงหาผลประโยชน์หากินบนความสงสารของคน แม้จะมีการรณรงค์กันมาตลอดว่า หากท่านให้เงินขอทานเท่าการ ส่งเสริมการค้ามนุษย์ แต่ผู้คนอีกส่วนหนึ่งกลับมองว่า นี่คือการให้ทานนี่คือการทำบุญ มันไม่ใช่เรื่องที่ผิด MThai ข่าวภาคซ่าส์วันนี้ จะมาพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับขอทานกัน
     ล่าสุดครม.เห็นชอบ พ.ร.บ.ควบคุมการขอทานแล้ว โดยมีละเอียดดังนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการควบคุมการขอทาน ซึ่งมีสาระสำคัญ ในการยกเลิก พ.ร.บ.ควบคุมการขอทานเดิมเมื่อปี 2484 พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธาน เพื่อควบคุม คุ้มครองสวัสดิภาพ และแนวทางการจัดการกับผู้หาประโยชน์จากผู้ขอทาน
     โดยห้ามไม่ให้คนชรา คนวิกลจริต พิการ หรือเป็นคนมีโรคที่ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพ รวมถึงคนที่ไม่มีผู้อุปการะเลี้ยงดูทำการขอทาน ซึ่งหากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบ จะต้องถูกส่งตัวไปยังสถานสงเคราะห์เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบ แต่หากเป็นคนต่างด้าว จะถูกไปยังประเทศต้นทาง
     พร้อมกันนี้ ยังกำหนดให้การแสดงสาธารณะ จะต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เป็นเจ้าของพื้นที่นั้นๆ ก่อนทำการแสดง ทั้งนี้สำหรับบทลงโทษ ผู้ที่บังคับ จ้างวาน หรือส่งเสริมให้ผู้อื่นขอทานจะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท
     แต่หากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนกระทำผิด จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท โดยขั้นตอนจากนี้จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณารายละเอียดก่อนส่งไปที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่างกฎหมายควบคุมขอทานฉบับใหม่ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าจะนำไปสู่ทิศทางการแก้ไขปัญหาขอทานได้อย่างแท้จริง





ที่มา : รายการเรื่องเล่าเช้านี้

ตัวอย่างข่าวขอทาน

สาวพิการไร้แขนขา อดีตเหยื่อแก๊งขอทาน แฉถูกบังคับให้หาเงินกว่า 2 หมื่นบาทต่อวัน 

     


     วันนี้ 20 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบสาวพิการไร้แขนขาสู้ชีวิต สานพรมเช็ดเท้าขายเลี้ยงตัว ที่ จ.ชัยนาท ความเป็นอยู่ลำบาก เผยเคยเป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์พาเร่ขอทาน วอนประชาชนเห็นขาทานไม่ต้องสงสารเพราะมีแก๊งคอยเป็นปลิงสูบเงิน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยดีกว่าผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังที่บ้านเลขที่118/14 หมุ่ที่ 5 ต.หางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เป็นบ้านพักที่ น.ส.คำจุน ผิวคำ อายุ 51 ปี สาวพิการสู้ชีวิตที่ยึดอาชีพสานพรมเช็ดเท้าขายผืนละ 60 บาท ขายเลี้ยงชีพ โดยนางสาวคำจุนเปิดเผยว่าอาศัยอยู่กับพี่สาว พ่อ แม่ และพี่เขย โดยความพิการของตนเป็นมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้ใช้ชีวิตยากลำบาก ซ้ำร้ายตอนอายุ 7 ขวบถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกไปเร่ขอทานตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และถูกบังคับให้หาเงินเดือนละกว่า 2 หมื่นบาท
     ทั้ง กรุงเทพมหานคร พัทยา เชียงใหม่ จนในที่สุดทนความโหดร้ายของแก๊งขอทานไม่ไหว จึงร้องขอพลเมืองดีให้แจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยออกมาเมื่ออายุได้ 15 ปี จากนั้นจึงเข้ารับการฝึกอาชีพกับกรมประชาสงเคราะห์ในสมัยนั้น จนมีความรู้ในการสานพรมเช็ดเท้าด้วยปาก
     อย่างไรก็ตามเคยคิดท้อแท้ในความพิการของตน จนพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้ง แต่เมื่อได้เห็นเพื่อคนพิการด้วยกันที่มีสภาพลำบากและทุกข์ทนกว่าตนจึงคิดได้ และพยายามเข้มแข็งมองโลกในแง่ดี เป็นตัวอย่างในการสร้างกำลังใจให้กับคนรอบข้างมาโดยตลอด อบากฝากถึงประชาชนทั่วไปที่เห็นขอทานในที่ต่างๆขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องสงสารเพราะขอทานเหล่านั้นถูกบังคับมาหาเงินโดยมีแก๊งค้ามนุษย์อยู่เบื้องหลัง

การจัดระเบียบขอทาน

การจัดระเบียบคนขอทาน

     

     เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลายคนคงได้ข่าวการจัดระเบียบขอทานของทางราชการโดยพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และองค์กรเอกชน ลงพื้นที่จัดระเบียบคนขอทานทั่วประเทศ และดำเนินการต่อเนื่องถึงวันที่ 30 มกราคม ผ่านหลักการดำเนินงาน 3 P คือ 1.การบังคับใช้กฎหมาย (Prosecution) โดยการจัดทำทะเบียนข้อมูล พัฒนาฐานข้อมูล ขยายผลดำเนินคดีกับขบวนการค้ามนุษย์ 2.การคุ้มครองช่วยเหลือ (Protection) เช่น คัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ คุ้มครองสวัสดิภาพ ฟื้นฟูพัฒนาศักยภาพในสถานสงเคราะห์
     และสุดท้าย การป้องกัน (Prevention) โดยการศึกษาวิจัยพัฒนาระบบการคุ้มครองทางสังคม พร้อมรณรงค์ให้ความรู้ด้านกฎหมาย และส่งเสริมเครือข่าย พม. เป็นแกนนำเฝ้าระวังการค้ามนุษย์เพื่อแก้ปัญหาขอทานล้นเมือง

พ.ร.บ ขอทาน


ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พร้อมบทลงโทษห้ามบังคับ-จ้างวาน รวมถึงการเล่นดนตรีในที่สาธารณะต้องขออนุญาต จนท.



     วันที่ 20 เม.ย.58 ร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน โดยให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดำเนินการแก้ไขจัดระเบียบขอทาน ยกเลิก พ.ร.บ. ขอทาน พ.ศ. 2484
     โดยมีการตั้งคณะกรรมการควบคุมการขอทาน ห้ามมิให้บุคคลใดทำการขอทาน พร้อมการระบุลักษณะผู้ที่เป็นขอทาน อาทิ การกระทำที่ให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สินให้โดยไม่ได้มีการทำงานตอบแทนหรือด้วยทรัพย์สินใด การกระทำใดให้ผู้อื่นเกิดความสงสารโดยไม่ได้มีการทำงานตอบแทนหรือด้วยทรัพย์สินใด
     รวมถึงไม่ให้มีการแสดงในที่สาธารณะ โดยขอรับทรัพย์สินตามผู้ฟังสมัครใจ ซึ่งการเล่นดนตรีในที่สาธารณะ ต้องมีการขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานในท้องถิ่นนั้นก่อน และกฎกระทรวงต้องมีการกำหนดพื้นที่ในการแสดง
     นอกจากนี้ยังกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ใช้บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน ยุยงส่งเสริม กระทำด้วยวิธีการใดให้ผู้อื่นขอทานหรือนำบุคคลอื่นเป็นประโยชน์ต่อการขอทานของตนด้วย

ขอทานอาชญากรรมบนความเวทนา

“ขอทานอาชญากรรมบนความเวทนา”




ขอทาน คือ ใคร??
     ในเมืองใหญ่หรือเมืองเศรษฐกิจหลายๆแห่ง เราคงเห็นพบเห็นคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ขาด มองดูสกปรก มีกระป๋องหรือภาชนะอื่นๆที่ใช้รองรับเศษเงินจากผู้คนที่ผ่านไปมา และมักจะนั่งอยู่ตามสะพานลอยหรือริมฟุตบาทที่มีคนสัญจรผ่านไปมา คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า “ขอทาน”
ขอทานนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าเป็นอาชีพเก่าแก่อาชีพหนึ่งเลยก็ว่าได้ คล้ายจะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในสังคมไปแล้ว พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ด้วยการขอรับเศษเงินจากผู้ที่ผ่านไปมา ลักษณะโดยทั่วไป คือ ทำตัวให้ดูน่าสงสารด้วยการแต่งตัวให้โทรม เนื้อตัวมอมแมม ใช้ความบกพร่องทางร่างกายซึ่งบางรายก็แกล้งพิการบ้าง โชว์แผลที่ดูน่ากลัวน่าสยดสยองให้เห็นบ้าง หรือบางครั้งก็หอบลูกจูงหลานมานั่งให้ดูน่าเห็นใจ ซึ่งเด็กที่พามาด้วยนั้นใช่ลูกหลานจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ นี่คือปัญหาหนึ่งในสังคมไทยที่มีมานานและนับวันปัญหานี้ก็ยิ่งดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เชื่อมโยงไปสู่ปัญหาอาชญากรรมหลายๆอย่างในสังคม

ขอทานพัทยา


ขอทานเมืองพัทยา



     ปัญหาขอทานที่สะสมมานาน ถูกสะท้อนจากผู้ค้าย่าน walking street ที่ขายของบนถนนเส้นนี้มานานหลาย 10 ปีชี้ให้เห็นถึงความไม่ยำเกรงกฏหมายของคนที่ยึดการขอทานเป็นอาชีพ แม้เจ้าหน้าที่จะเร่งปราบปราม ปรับแก้กฎหมาย เพิ่มบทลงโทษเพียงใด แต่ดูเหมือนปัญหาขอทานเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา ก็ไม่ได้ลดลงเลย
     นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ขนเงินมาเต็มกระเป๋า จับจ่ายไปกับการท่องเที่ยว เป็นสิ่งเร้าให้คนขอทานและคนเร่ร่อน อาศัยความหนาแน่นของเมืองที่ไม่เคยหลับใหลนี้ เป็นช่องทางหาเงิน ไม่สนใจประกอบอาชีพสุจริตอย่างคนทั่วไป ข้อมูลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำรวจพบขอทานเมืองพัทยามีจำนวน 44 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา และน่าตกใจที่ในจำนวนนี้ ใช้เด็กเล็กมาขอทานด้วย แต่เชื่อว่าเมื่อกฏหมายใหม่เริ่มบังคับใช้ 28 กรกฎาคมจะช่วยลดปัญหานี้ได้
     พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พอใจการปราบปรามขอทานคนไทย ไม่พบกลับมาขอทานซ้ำอีก และส่วนใหญ่ได้รับการฟื้นฟูมีอาชีพหารายได้เลี้ยงตนเองได้ แต่หนักใจปัญหาขอทานจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ลักลอบเข้ามาทางชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ
     การขอทานเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย ยิ่งถ้าหากใช้ความพิการ และความเจ็บป่วยน่าเวทนา เป็นเครื่องมือเพื่อขอเงินหรือทรัพย์สินจากผู้อื่น โทษจะยิ่งหนักขึ้น และทุกคนสามารถร่วมกันตัดวงจรการขอทานให้หมดไปได้ โดยการไม่ให้เงิน แม้จะดูน่าสงสารมากเพียงใด "ให้ทานถูกวิธี ลดวิถีการขอทาน"